Thursday, December 10, 2015

11. Ice skating in Ashland

Winter is coming to town
ก็ต้องมีกิจกรรมมันส์สำหรับอากาศหนาวเย็น
Sunday เป็นวันหยุดของร้าน และเป็น family day ที่จะได้ทำ fun activity ด้วยกัน
Sunday Dec 6, 2015 ตอนเย็นๆ
Jasmine พร้อมน้าตุ๊ก ป้าต้อม ดีนี่และพี่เดล ก็ได้ขับรถไปถึง Ashland เพื่อไปเล่น Ice skating
ด้วยความสงสัยก็ถามอีก "Jaz จ๊ะ Grants Pass ไม่มีที่เล่นเหรอจ๊ะ" ไปซะไกลเชียว
Jaz บอกว่า "มีค่ะ แต่ไม่สวย เป็นในร่ม ในอาคาร ที่ Ashland เป็นกลางแจ้งเลย Outdoor ค่ะ ควรต้องไป "
อืม ใจเราก็คิด กลางแจ้งสวยจริงจ้ะ แต่กว่าจะออกจากบ้านก็ 4 โมงเย็นแล้ว จะไปเห็นอะไรมั๊ยเนี่ย
และก็เป็น ดามคาด
The gang ไปถึง Ashland Rotary Centenial Ice Rink  ก็ได้ถ่ายภาพนิดเดียวก็มืดเลย
Ice Rink ที่นี้เป็นแบบ seasonal เปิดเดือน Nov-Feb โดยตั้งอยู่ข้าง Lithia park ที่สวยงาม
ค่าเล่น $6 ไม่จำกัดเวลา แต่ rink ปิดตอนสี่ทุ่มจ้ะ
วันนั้น Jaz เล่นแค่ ชั่วโมงกว่าๆ ก็ต้องกลับ เพราะวันรุ่งขึ้นมีเรียน
แม่แอบหวังนิดๆ ได้ออกกำลังกายแบบนี้ ลูกสาวคงผอมสวยแน่เลยยยยย




10.College Night

      "แม่ขา เย็นนี้หนูต้องไป College night นะคะ"
       อืม มันคืออะไรจ๊ะ 
       "ไม่รู้เหมือนกันค่ะ โรงเรียนให้ไป เฉพาะ Junior กับ Senior เท่านั้น" 
        ถามเพื่อนได้ป่ะว่า เขารู้มั๊ย 
       "ถามแล้วค่ะ ไม่รู้ชัดเจนเหมือนกัน รู้แต่ว่า จะคุยเกี่ยวกับเรื่องเรียน College และมีให้ทุน $300 ด้วยแหล่ะ"
      จัสมิน ไปร่วมงานตอน 5 โมงเย็น พอประมาณทุ่มก็กลับมารายงาน โดยส่ง Line มาก่อน....เสียใจจุงเบย....
      สำหรับ College night ก็เป็นกิจกรรมการให้ข้อมูลความรู้กับนักเรียนเกรด 11 และ 12 ในการเตรียมตนเองเพื่อเข้าสู่มหาวิทยาลัย โดยครูจะแจกเอกสารให้เด็กได้ check list ว่า แต่ละช่วงเวลาหรือ เทอมไหน ควรจะทำอะไรบ้าง เช่น
       Junior yr ช่วง Fall-winter ควรต้องวางแผนศึกษาเรื่อง Financial aid และเข้าร่วม College night นอกจากนี้ก็ สำรวจอาชีพที่สนใจ พูดคุยกับคนที่ทำอาชีพนั้น เป็นต้น  พอช่วง Spring ก็ควรพยายามlist มหาวิทยาลัยที่สนใจจริง ดูเรื่องค่าใช้จ่าย ทุนการศึกษา scholarship or grants วางแผนการสอบ PSAT, SAT, SAT subject test and /or ACT หรือไม่ก็ college visit  เตรียมทำ Port folio แม้กระทั่ง เตรียมทำงานช่วง Summer เพื่อหาเงินเรียน
      Senior year  ช่วง Fall ก็ต้องเริ่ม final สิ่งต่างๆ อาจจะสอบ SAT อีก ต้องสมัครทุนการศึกษา  สมัครเรียน และ วันที่ Jan 1 ต้องสมัคร FAFSA ให้ได้  Winter ก็เข้าร่วม workshopsในการช่วยเขียน financial aid พอ Spring ควรได้รับจดหมายตอบรับบ้าง
     นอกจากนี้ โรงเรียนก็ประชาสัมพันธ์ว่า จะมีประกาศติดให้ทราบว่า วันไหนจะมีมหาวิทยาลัย มาให้ข้อมูลที่โรงเรียนบ้าง เพื่อนักเรียนคนไหนสนใจก็สามารถไปสอบถามได้
    สุดท้าย ที่เด็กๆทุกคนรอคอยคือ การแจกทุนการศึกษาฟรี $300 โดยการเล่นเกมแบบวัดดวง เช่น คนที่มีบ้านอยู่ใน zip code นี้ Jasmine บอกลุ้นมากกกก ก็ยืนขึ้น มีทั้งหมด 11 คน จากนั้น ชื่อขึ้นต้นด้วยตัว K อ้าวเหลือ 2 คน แต่แล้วววว ขอกรี๊ดหน่อย นามสกุลขึ้นต้นด้วยตัว R .....จ๋อยเลย อีกคนได้ไป
    แม่ก็เลย ปลอบขวัญลูกสาว ไม่ต้องเสียใจนะ ทำบุญเยอะๆๆๆๆ นะคุณลูก
     คนเราจะประสบความสำเร็จได้ ก็ประกอบด้วย "เก่งและเฮง"  ท่องคาถาไว้นะจ๊ะ

9. เด็กโบกธง GPHS Color Guard

ลูกสาวเป็นเด็กโบกธง??????? อะไรกันเนี่ย กิจกรรมอะไร คิดได้ไงอ่ะ 
          
      วันนี้ (Dec 10,2015) เนื่องจากเป็นวันหยุดไทย ก็เลยพอมีเวลา ดังนั้นตอนเที่ยงจึงพยายามโทรหาจัสมินซึ่งเวลาที่ Oregon ก็ประมาณ 3 ทุ่มน่าจะอยู่บ้านเรียบร้อย พยายามโทร LINE ก็ไม่รับสาย จนสามทุ่มครึ่งก็ได้ message ว่า เพิ่งถึงบ้าน ขออาบน้ำก่อน.... เอิ่ม ลูกสาวอาบน้ำำำำ ดีใจจัง แต่ก็งง นะเนี่ย ไปทำอะไรมา 
      พอเรียบร้อย ก็ต่อ Line video call คุยถึงได้รู้เรื่องว่า จัสมินไปฝึกโบกธง หรือ Color guard ก็เอิ่ม ลูกขา คิดไงเนี่ย  
      จัสมินก็เลยย้ำว่า ก็ที่บอกแม่ไปแล้วไง ว่า จะทำกิจกรรม winter ต้องมี Health insurance ราคาอย่างต่ำ $65 แล้วค่าสมัครอีก $350  จ่ายเองเบื้องต้น $50 แล้วค่อยไปทำ fund raising อีก หาเงินได้เยอะก็เสียน้อย หาได้น้อยก็เสียเยอะไง 
      คุณแม่ก็อึ้งอีกแล้ว "อ้าว นึกว่า เป็นกิจกรรม winter แบบ sport เช่น  hockey, ice skating ...บลา ๆๆ อะไรแบบนี้ ใครจะนึกว่า ไปโบกธง" เอ้า ไหนๆ ก็สมัครไปแล้ว ก็เลยถามกลับไปว่า ซ้อมบ่อยมั๊ยจ๊ะ คำตอบคือ.....
     "ตารางซ้อมนะคะ วันจันทร์และพุธ  6 โมงเย็นถึงสามทุ่ม และวันเสาร์ 9 โมงเช้าถึง ห้าโมงเย็นจ้ะ" 
      หะ!! ว่าไงนะ มันโบกธงอะไรกันนัก ต้องซ้อมขนาดนี้ เยอะไปป่ะ 
     จัสมินตอบด้วยความภาคภูมิใจว่า "แม่จ๋า GPHS marching band and color guard เนี่ยดังนะคะ ชนะรางวัลด้วย" ว่าแล้ว คุณเธอก็เดินไปหยิบธงสีแดงผืนใหญ่มาโบกโชว์ให้ดูด้วยความภูมิใจ 
       ด้วยความสงสัยก็เลยถามต่อ แล้วธงมีสีอะไรบ้าง "เป็น theme memory ค่ะ มีสีชมพู เทา และฟ้า"
       แล้วจะซ้อมนานมั๊ยคะ คุณลูกไม่ตอบแต่ส่งตารางมาให้ดู ก็ถึงบางอ้อ ถ้าแข่งจน Final round เลยก็ โน่นค่ะ ปลายเดือนมีนาคม 2016 OMG!!!
        เด็กโบกธง เป็นกิจกรรมหนึ่งของเด็กอเมริกัน โดยจะเป็นทีมที่มีทั้งธงหรือ อุปกรณ์อื่นๆ ในการเคลื่อนไหวไปตามเสียงเพลงของวงโยธวาทิต ส่วนใหญ่จะเล่นในช่วงพักครึ่งของการแข่งกีฬา นอกจากนี้ก็มีการแยกเป็นกิจกรรมเดี่ยวในช่วงฤดูหนาวเป็น winter guard เป็นเกม indoor ที่ใช้แข่งขันกัน 
        อย่างไรก็ตาม อยากบอกว่า คุณลูกขา คราวก่อนเล่นละครพระมหาชนก ก็อยากเป็น Stage 
        พอไป Job shadow ติดตามครูเงาะ คนเก่ง จัสมินอยากเป็น ช่างจัดไฟ 
        ตอนนี้ไปเรียน High school ถึงเมกา หนูอยากเป็น "เด็กโบกธง" 
เอากะเขาสิ คุณพ่อคงเข้าใจแล้วนะ ว่า ลูกจะไปเรียนต่อสายไหน อิ อิ 
 อยากรู้กันมั๊ยคะ ว่า ทำไมเด็กโบกธง จึงซ้อมหนัก เชิญชมได้เลยค่ะ 

  Grants Pass Marching Band championships 2015


Sunday, November 22, 2015

8. Halloween 2015

        ช่วง Halloween คนอเมริกันเขาทำอะไรกันบ้างนะ???
         อยากบอกว่า ชีวิตในอเมริกาเนี่ย จะชอบช่วงปลายปีมากกกกเลย ไล่ตั้งแต่ Halloween ในเดือนตุลาคม วัน Thanks giving day ในเดือนพฤศจิกายน และ  Christmas เดือนธันวาคม เพราะสามเดือนนี้จะเป็นช่วงที่ celebrate กันสนุกสนานทั้งครอบครัวและทั้งเมือง
        ในปีนี้ ป้าต้อมและน้าตุ๊ก พาเด็กๆ ไปลุยสวนฟักทอง ที่ Fort Vannoy Farm ในเมือง Grants pass ได้ถ่ายรูปแบบสาวชาวไร่ ในไร่ฟักทองและไร่ข้าวโพด และยังได้นั่ง hayride กันสนุกสนาน

        นอกจากนี้ จัสมิน ก็ได้ไปร่วมงานเลี้ยงวันฮาโลวีนของเพื่อนพี่เดล จะเต็มไปด้วยเด็กๆที่เล่นสนุกกัน  จัสมินก็ได้เป็น baby sitter ดูแลน้องๆ พอหิวและเหนื่อยกันก็กิน pizza อย่างสนุกสนาน

        สำหรับในวันฮาโลวีน October 31 ครั้งนี้
        ช่วงสาย จัสมินและดีนี่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในการแจกขนมเด็กๆหน้าร้าน Royal Barge Thai cuisine  สองสาวแต่งกายน่ารัก สวยงามถือหม้อแม่มดสีดำที่เต็มไปด้วย Candy and chocolate สำหรับเกม Trick or treat ซึ่งจะมีเด็กๆ และครอบครัวแต่งชุดแฟนซีมาเดินเพื่อรับแจกขนม เป็นช่วงเวลาที่สนุกมากมายและเพลิดเพลินไปกับการแต่งกายของชาวเมือง วันนี้ใครอยากเป็นตัวอะไร ได้เลยยยยค่ะ



        ส่วนช่วงเย็น จัสมิน และน้องๆ ก็ไปงาน party ที่บ้านเพื่อนสนิท Alexis ซึ่งมีเพื่อนมาร่วมงานประมาณ 24 คน เป็นทั้งเพื่อน Grade 11 ด้วยกัน เพื่อนรุ่นพี่ และรุ่นน้อง  คืนนั้น จัสมินแต่งเป็น หนูน้อยหมวกแดง แบบสวยน่ารัก ไม่ยอมแต่งให้น่ากลัว เธอบอกว่า "ก็หนูอยากสวย"  อืม จ้ะ คุณลูกขาจริงๆ วันนี้ต้องแต่งเป็นผีๆ นะจ๊ะ แต่ยังไงก็ตาม เพื่อนๆโดยส่วนใหญ่ ก็แต่งสวยกันมา
        ในคืนนั้น มีการเล่นเกมชื่อว่า  scavenger hunt   โดยแบ่งเพื่อนเป็นทีมช่วยกันหาสิ่งของ เช่น  candy corn, something black, flat rock, red leaf, caution tape, fake spider, pumpkin seed and safety pin ซึ่งทีมของจัสมินเป็นผู้ชนะสามารถหาของทั้งหมดได้ครบภายในเวลา 11 นาที
        นอกจากนี้ก็มีเล่น เกมทายจำนวนขนมคาราเมลในกล่อง ซึ่งจัสมินก็ทายได้ถูก...ทายได้ไงเนี่ย...ของรางวัลคือ ขนมคาราเมลมากินลดน้ำหนัก อิ อิ....วันและคืนฮาโลวีนก็ผ่านไปอย่างสนุกสนาน เจอกันใหม่ปีหน้านะจ๊ะ...............................................Story by Dr.Pat
                                                                                                                 

Saturday, October 31, 2015

7. Free time in GP

Q: วันหยุด หรือเวลาว่าง เด็กไทยมัธยมปลายทำอะไรกันคะ?? 

          ทั้งเด็กและคุณพ่อ/แม่ โดยส่วนใหญ่คงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "เรียน" ค่ะ
          เอิ่ม "เรียน" ใช่ค่ะ
          ชีวิตของจัสมินก็ไม่ต่างจากเด็กคนอื่น เพียงแต่ เธอเลือกที่จะเรียนแค่ภาษาอังกฤษ (คุณแม่ขอร้อง) และ ภาษาเกาหลี (หัวใจคุณลูกเรียกร้อง) ส่วนวิชาอื่นๆ เธอยืนยันว่า เรียนพอแล้วจากโรงเรียน(โรงเรียนน่าจะปลื้มใจนะคะ)
          แต่พอมาอยู่ที่ Grants Pass It's the climate แล้วพอมีเวลาว่าง หรือวันหยุด จัสมินก็มีโอกาสได้ทำกิจกรรม enjoy your life and surroudings บ้าง ซึ่งต้องขอบคุณผู้มีส่วนสนับสนุนทั้ง น้าตุ๊ก ป้าต้อม ลุงหน่อย พี่เดลและดีนี่
           จัสมินทำอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ
           1. Riding a bike ขี่จักรยาน เป็นกิจกรรมยามว่างอย่างแรกที่ทำ อยู่เมืองไทยแทบจะนับครั้งในการขี่ได้เลย จัสมินพอขี่ได้บ้าง แต่ไม่แข็งแรง จนไม่กี่วันหลังจากไปอยู่ที่อเมริกา ก็เกิดเหตุ "จักรยานล้ม" ค่ะ เฮ้ออออ ไม่ทันไร ก็ได้แผลไปตามระเบียบ ทั้งมือและหัวเข่า น่าจะเป็นแผลเป็น แต่ในทางบวกคือ ยังดีไม่เป็นอะไรมาก ก็เลยตักเตือนไปว่า ต่อไปก็ค่อยๆขี่นะคะ ไม่ต้องไปแข่งกับน้องเพราะน้องเขาขี่คล่องแคล่วกว่า
           2. Walking การเดินออกกำลัง จริงๆ ก็ไม่ควรเรียกว่า กิจกรรมยามว่างอะไร เพราะการใช้ชีวิตที่อเมริกา เขาเดินกันเป็นปกติ สำหรับจัสมินอย่างน้อยก็จะเดินกลับจากโรงเรียนทุกเย็น หรือ เดินไปซื้อไอศครีม ไป shopping ที่ Safeway
           3. Playing in the park along Rogue River เมือง GP มี สวนสาธารณะที่สามารถไปเดินเล่น เดินออกกำลัง  picnic หรือ ทำกิจกรรมอื่นๆได้ ซึ่ง park นี้จะร่มรื่นมาก เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และหากไปเดินเล่นริมน้ำก็จะเห็นทั้งนกบิน และเป็ดเล่นน้ำ เป็นช่วงเวลาผ่อนคลายที่มีความสุขมาก
           4. Stargazing ท้องฟ้าที่ GP มักจะเปิดโล่งไม่ค่อยมีเมฆ จึงทำให้ฟ้าสวยมากโดยเฉพาะยามค่ำที่จะได้เห็นดาวเต็มท้องฟ้าระยิบระยับ
           5. Watching movies หากสัปดาห์ไหน มีหนังน่าดู จัสมินและน้องๆก็จะชวนกันไปชมภาพยนตร์ที่โรงหนัง South gate cinema  ค่าตั๋วหนังโหดมากเลย $7/คน ไม่ว่าจะวัยไหน เฮ้อ จะแพงไปไหนเนี่ย จัสมินคิดถึงโรงหนังที่เมืองไทยเลย
           ข้างต้นก็เป็นกิจกรรมยามว่างคร่าวๆ ที่จัสมินได้ทำที่โน่น ก็ไม่มีเรียนกวดวิชาอะไรนะคะ จากคำตอบเดิมของจัสมินค่ะ.....เรียนพอแล้วจากโรงเรียน
                                                                                                 Story by Dr.Pat




Friday, October 30, 2015

6.Art along the Rogue in Grants Pass

Street Painting and Music festival

            โดยปกติ หากเป็นคืนวันศุกร์ เวลาคุยกับจัสมิน ก็จะถามว่า "weekend นี้ทำอะไร"
"ต้นเดือนตุลามีงานค่ะ" งานอะไรเหรอ??
             งาน Art along the Rogue (Street painting and music festival)  on Oct 3-4  จัดที่ downtown ซึ่งงานนี้ ทาง city of Grants Pass ให้ข้อมูลว่า เป็น the Nortwest's Premier Street Painting and music festival โดยเริ่มจัดตั้งแต่ปี 2003 ซึ่งครั้งนี้เท่ากับเป็นปีที่ 12
             ภายในงานก็จะมี คนกลุ่มต่างๆ ทั้งในและนอกเมืองมาวาดภาพวิจิตรตระการตาลงบนพื้นถนน มีวงดนตรีมาเล่น มีร้านรวงมาเปิดขายของกัน
            การมีงานนี้ก็ทำให้เมืองคึกคักมากเพราะจะมีคนต่างถิ่นมาร่วมกิจกรรม  และนักท่องเที่ยวมาชมงาน  ถามจัสมิน "ชอบมั๊ยลูก "
             จัสตอบว่า "ชอบมากค่ะ มีคนมาวาดภาพสวยๆ เก่งมากเลย ดนตรีก็สนุก แต่ไม่รู้ว่า วงอะไรบ้าง" 

             สำหรับเมืองเล็กๆที่จัสมินอยู่พอมีงานก็ทำให้ชีวิตมีสีสันขึ้นอย่างมาก จัสมินได้ส่งภาพมาให้ดู ก็ทำให้รู้สึกว่า ถ้าถนนหาดบางแสนเรามี Street painting แบบนี้บ้างก็น่าจะดีมากเช่นกัน หวังว่าสักวันเพราะเชื่อมั่นว่า ฝีมือของศิลปินไทยเราก็เจิดจรัสสู้ต่างชาติได้อย่างแน่นอน Confirm!!!..

                                                                                  Story by Dr.Pat


   


5.Homesick VS Nostalgia

คิดถึงบ้าน (Homesick) กับ แรงคิดถึง (Nostalgia) แบบไหนจะหนักกว่ากันหนอ???


           ช่วงนี้ มีคนรอบข้างที่รู้ว่า จัสมินไปเรียน high school ที่ Oregon มักตั้งคำถามกับเราว่า "จัสมิน homesick มั๊ยคะ" "จัสมินเรียนไหวมั๊ย ปรับตัวได้รึยัง" บลา บลา หรือ "อ.พัดทำใจได้ไง ส่งลูกสาวคนเดียวไปเรียนไกลเลย" 
           ในเรื่องนี้ ก็ขอตอบจากใจลึกๆเลยว่า ก็เป็นห่วงนะคะ แต่ก่อนไปก็ได้มีการเตรียมหลายๆเรื่องโดยเฉพาะการเตรียมกายและใจให้เข้มแข็งของคุณลูก  พอมีคนถามหลายคน เมื่ออาทิตย์ก่อนก็เลยลองเช็คใจของจัสมิน ถามว่า ลูกสาวขา homesick มั๊ยคะ  คุณจัส ตอบทันควันเลย "เอาเวลาไหนไป homesick หล่ะคะ ทั้งเรียน และสอบ เล่นและเที่ยว มีป้าต้อม ลุงหน่อย น้าตุ๊ก มีน้องสาว น้องชาย น้องหมา  3 ตัวและยังคุยกับแม่และยายบ่อยๆ แต่คุยกับป๊าทุกวันนนน" โอเค ก็สบายใจไปเปลาะหนึ่ง   
          มัวแต่กังวลคุณลูก แต่คนที่อาการหนักกว่า คือ คุณป๊า ค่ะ กลายเป็นอาการ nostalgia เพราะโดยปกติพ่อลูกจะตัวติดกันตลอด ไปรับ-ส่งที่โรงเรียน นอนด้วยกัน แซว กวนกันตลอด แต่พอลูกไม่อยู่ พ่อต้องอยู่ในสภาวะเดิม ก็ทำให้คิดถึงลูกมาก คุณป๊าก็เลยต้องหาวิถีทางแก้ไข โดย
         1. Work harder การทำงานให้มากขึ้น ออกไปพบปะลูกค้า ไปต่างจังหวัด ไปต่างประเทศ คิวเธอแน่นค่ะ
         2. Talk often การคุยกับลูกทุกเช้าในวันธรรมดา แต่หากเป็น weekend ก็จะคุยกันทั้งเช้าและค่ำ โดยใช้ทั้ง LINE และ Skype นแกจากนี้ก็ยังมีการส่ง message หากันทั้งใน LINE และ FB ขอบคุณผู้คิดค้น social media นี้สุดๆ เลย
         3. Semester visit การวางแผนเจอกันทุกเทอม โดยครั้งนี้ ตกลงกันว่า พอหมดเทอม ทางไทยจะไปเยี่ยมก่อน ก็จะเป็นการฉลอง New Year ด้วยกัน แล้วพอหมดเทอม 2 ก็ไม่ต้องเรียน summer ให้จัสมินกลับมาเมืองไทย จะได้อยู่นานๆ เพราะคุณยายก็คิดถึงมากด้วยเช่นกัน
          วิธีการข้างต้นทำให้ "ใจถึงใจ" ทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้ต่อไปอย่างมีความสุขที่พึงมีพึงได้...

                                                                               Story by Dr.Pat




Sunday, October 25, 2015

4.School Outing

                                                     ไปเที่ยวกัน 

          ในการเรียนระดับ high school ที่อเมริกา ก็มีเรียนทั้งในห้องเรียนและการไปดูงานข้างนอก ไปภาคสนาม ที่เรียกว่า school outing ซึ่งในเมืองไทย ก็จะมีการพาเด็กๆ ไปเรียนรู้ข้างนอกเช่นกัน
         จัสมินเล่าว่า แต่ละรายวิชาก็จะมีจัดไปกัน บางรายวิชาก็ให้เฉพาะเด็กที่ลงเรียนวิชานั้นเท่านั้น แต่บางรายวิชาก็ให้สิทธิ์เด็กที่ลงทะเบียนก่อนแล้วค่อยเปิดให้เด็กอื่นๆไปด้วย ส่วนใหญ่ก็จะฟรี หรือหากมีเสียเงินก็จะไม่แพง เช่น วิชา Ocean ก็จะพาไปดู ทะเล ชายหาด วิชา fishery ก็พาไปดูการจับปลา แล่ปลา ดูอวัยวะของปลา ไข่ปลา เป็นต้น 
         เทอมนี้ Oct 22 จัสมินไป school outing กับรายวิชา Intermediate drama ซึ่งมีเปิดให้เด็กอื่นๆไปด้วย และเสีย $25 เป็นค่าเข้าชมละครเวที ที่  The Oregon Shakespeare Festival  เมือง Ashland  เมืองนี้ เป็นเมืองน่ารัก เมืองอนุรักษ์ หากใครได้มีโอกาสไปแถวนั้น ต้องแวะค่ะ มิเช่นนั้นถือว่า ผิด 
       ในการไปครั้งนี้ จัสมินพร้อมเพื่อนสนิท Alexis, Naomi และ Vilde เริ่มเดินทางจาก GPHS ประมาณ 9 โมงเช้า โดยใช้รถ school bus (น่าจะเป็นการนั่งครั้งแรกของเทอมนี้) เดินทางประมาณ ชั่วโมงนิดๆ ไปถึงก็ปล่อยให้เดินเล่น ถ่ายภาพ และทาน lunch เป็น pizza ที่อร่อยที่สุดของเมืองที่ ร้าน Martolli's Hand Tossed Pizza และก็ไปทานของหวาน Rocky Mountain Chocolate Factory 

       พอบ่ายโมงก็มาเตรียมความพร้อมเพื่อชมละครเรื่อง Guys and Dolls A Musical Fable of Broadway 

ถามว่า สนุกมั๊ยลูก ...จัสมินตอบว่า สนุกมากกกกกกก ดูเพลิน สองชั่วโมง เขาสุดยอดมากนะ เปลี่ยนฉากโดยใช้แค่ prop ก็ดูว่า เป็นที่อื่นแล้ว  ปีหน้าขอมาดูอีกนะคะ 

       เอ่อ...ลูกสาวขา....ทำร้ายจิตใจคุณพ่อสายวิทย์รึเปล่าเนี่ย 555 
       ขอเพิ่มข้อมูลสักนิดค่ะ นอกเหนือจากกิจกรรมชมละคร ที่โรงละคร Allen Elizabethan theatre แล้วก็เป็นการมาชิมน้ำแร่บริสุทธิ์ Lithia water fountain ที่ตรง Ashland plaza ...ทั้งกลิ่นและรสชาดคือ...เอิ่ม ต้องไปลองค่ะ                                                                                                                                                      Story by Dr.Pat




3.Bomb threat!!!

           เช้ามืด Oct 20, 2015 ขณะกำลังนอนหลับอย่างสบาย ก็ได้ยินเสียง line ติ๊ง ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจ เหมือนอยู่ในความฝัน แต่พอสักครู่ใหญ่  ก็มีอีก ตึ๊ง ตึ๊ง  ก็เลยเหลือบไปดู อืม..ข้อความจากจัสมิน ส่งอะไรมาแต่เช้ามืดเลย แต่ด้วยความง่วง ก็ยังไม่ตื่นดี พลิกไปพลิกมา แล้วก็นอนไม่หลับ จึงตัดสินใจอ่านอย่างจริงจัง OMG!!!!

           ข้อความแรก:  I love you  อ้อ โอเคจ้ะ love you too....
           ข้อความที่สอง 10 นาทีต่อมา ก็พิมพ์ว่า: มี bomb treat ที่โรงเรียน พร้อมรูป icon หน้าคว่ำ เหงื่อตก  อ้าว...ไหงงั้น นึกในใจพร้อมกับลุกพรวดเลย  น่าจะ bomb threat นะลูก ไม่ใช่ bomb treat อันนี้ไม่เอาเด็ดขาด สยองงงงง
           ข้อความที่สาม  20 นาทีต่อมา บอกว่า:  we are safe now....
           หัวใจแม่หล่นวูบ รีบกระหน่ำโทร Line หาคุณลูก
           สักแป็บ จัสมินรับสาย พอได้ยินเสียงลูก ก็สบายใจแล้ว ถามว่า อยู่ไหน
           จัสมินตอบว่า กำลังเดินกลับบ้าน เดี๋ยวโทรกลับ  ก็เลยตอบว่า โอเค แม่รอนะ

           สรุปเรื่องราว คือ ประมาณเที่ยง มีเด็กไปพบข้อความในห้องน้ำที่พูดเรื่องจะระเบิดโรงเรียน ทางโรงเรียนก็เลยประกาศให้เด็กทะยอยเดินไปรวมตัวกันที่หอประชุมของโรงเรียน และบางส่วนไปห้องที่ไม่มีกระจก สักพัก ทางโรงเรียนก็ประกาศว่า เหตุการณ์เข้าสู่ปกติ ก็ให้นักเรียนกลับมาเรียนตามเดิม
อ้าว แม่งงสิ! เขาไม่ให้กลับบ้านเหรอลูก คำตอบคือ จะกลับก็ได้ แต่ถือเป็นขาด tardy  จัสมินไม่ได้กลับเพราะมีสอบ พอหมดเวลาเรียน 15.14 นาที ก็เดินกลับบ้าน  ทั้งนี้ก็จับคนร้ายไม่ได้ เพราะในห้องน้ำไม่มีกล้องวงจรปิด ...เฮ้อ

           จัสมินไม่กลัวเหรอลูก....คุณลูกตอบว่า ไม่กลัวค่ะ
           ตนเองจำได้ว่า เคยถามประโยคนี้กับลูก เมื่อตอนต้นเดือน ตุลาคม ที่มีกรณียิงนักเรียนของ Umpqua Community College ที่เมือง Roseburg ซึ่งห่างจาก Grants Pass ประมาณ 1 ชั่วโมงขับรถ  แล้วพออีก สองสัปดาห์ต่อมาก็มามีเหตุนี้อีก คุณแม่เครียดซิคะ
           แต่คำตอบลูกคือ หนูโอเค ไม่เป็นไร ทุกอย่างปกติดี เรื่องยิงกันก็ห่างจากบ้านตั้งเยอะ มันก็เหมือนเกิด ระเบิดในกรุงเทพฯ นั่นแหล่ะ  เราก็ยังอยู่กันได้ .....เอิ่ม อันนี้หมายถึง ลูกสาวมี EQ สูง ใช่มั๊ยคะเนี่ย 
                                                                                                    Story by Dr.Pat
Precaution alert message  


Sunday, October 11, 2015

2.Spirit week (Homecoming week)

วันนี้จะคุยเน้นเรื่องการแต่งกายไปโรงเรียน การเรียนที่ประเทศอเมริกาไม่ว่าระดับใด ไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องแบบ แต่ก็มีกฎเกณฑ์ เช่น หากเป็นระดับมัธยมต้น (Middle school: Grade 6-8) เด็กๆไม่ควรแต่งกายโป๊จนเกินไป สำหรับเสื้อ หากจะใส่เกาะอก/สายเดี่ยวก็ควรมีเสื้อคลุม ส่วนด้านล่าง ไม่ว่าจะกระโปรง/กางเกง ก็สามารถใส่สั้นได้พอควร แต่ต้องไม่ควรเห็นแก้มก้น หากจะแต่งแบบ ร็อค หรือฮิปฮอปก็เป็นได้ แต่ต้องไม่มีโซ่/สร้อยเส้นใหญ่ เป็นต้น   สำหรับระดับ High school (Grade 9-12) นั้นสามารถแต่งกายได้ตามสะดวก จะสั้น sexy, lovely, or heavy style ได้หมด ยกเว้น ห้ามการสวมเสื้อผ้าที่มีข้อความลามก หรือการเหยียด discrimination รวมทั้ง ภาพที่เกี่ยวกับยาเสพติด เป็นต้น ดังนั้นในแต่ละวัน จัสมินเลยสามารถรังสรรค์ใส่ชุดน่ารัก สวยงามเหมาะสมตามวัยไปโรงเรียน   ช่วงอาทิตย์กลางเดือน Sep โรงเรียนจัด spirit week หรือ homecoming week เป็นสัปดาห์การคืนสู่เหย้า การต้อนรับกลับสู่โรงเรียน (น่ารักจังมีงานแบบนี้ด้วย) โดยมีการกำหนด theme เสื้อผ้าให้นักเรียนใส่มาโรงเรียน ในปีนี้ ทาง GPHS ได้กำหนดให้วันจันทร์ เป็น hat day จัสมินก็ต้องใส่หมวกเรียนทั้งวัน ซึ่งต้องขอบคุณน้าตุ๊กที่เป็นผู้สนับสนุนหมวกกิ๊บเก๋ให้ วันอังคารเป็น twin day แต่จัสมินไม่ได้นัดกับเพื่อนคนไหนที่จะแต่งตัวเหมือนกัน วันพุธ เป็น red day วันพฤหัสเป็น ลายทาง vs ลายจุด และวันศุกร์เป็น whiteout day   โดยส่วนตัว รู้สึกชอบกิจกรรมการจัดวันแต่งกายแบบนี้ ซึ่งทำให้เด็กๆได้ ไตร่ตรอง ตระเตรียมและตื่นเต้นในการเลือกชุด   วันเสาร์ Sep 19 เป็นวัน homecoming dance ซึ่งเปิดให้เด็กทุกเกรดมางาน จัสมินซึ่งไม่ได้เตรียมชุดออกงานไป ก็เลยได้ไปใช้บริการของร้าน Good Will ที่เป็นร้านขายของมือสอง สาม สี ฯลฯ จนสามารถสอยชุดราตรีสั้น สีเทามาด้วยราคา $5 ร้าน good will ช่วยชีวิตจริงๆ งานเต้นรำเริ่มตั้งแต่ 20.00-23.00 น. เป็น 3 ชั่วโมงแห่งการเต้นรำจริงๆ โดยโรงเรียนจัด Dj มาเปิดเพลงให้ และมีการขายน้ำดื่ม รวมทั้ง snack จัสมินบอกว่า ถ้าหิวน้ำก็ดื่มน้ำ tap water ฟรี ไม่ต้องเสียตังค์ซื้อ 555 ... จัสมินค่อนข้างชอบงานนี้ ได้แต่งตัวสวยงาม เพื่อนใน princess gang ก็แต่งอย่างงดงาม น่ารักเช่นกัน นอกจากนี้ ถือว่าเป็นงานที่เมื่อยมากแต่สนุกมาก เมื่อยเพราะอะไรเหรอคะ? ก็เพราะยืนเต้นตลอด 3 ชั่วโมงหน่ะซิ ...สุดยอดดดค่ะ คุณลูกสาว......  Story by Dr.Pat

1.My first week of G.11

หลังจาก Jasmine ไปเรียน High School ได้ 1 สัปดาห์ วันนี้เป็นวันแรกที่ได้คุยกันพร้อมหน้า พ่อ แม่ ลูก ผ่านทาง VDO call ของ Line ซึ่งคุยกันประมาณ ครึ่งชั่วโมง    การเรียนหนังสือของเด็กมัธยมปลายที่อเมริกาเป็นอย่างไร มาลองดูกันค่ะ
1. Grade level: จัสมินเลือกที่จะเรียน เกรด 11 ไม่ยอมเปลี่ยนแน่นอน ...(มั่นมาก)เพราะต้องการค้นหาตนเอง ต้องการเรียนรายวิชาที่ชอบและต้องการเก็บวิชา AP Well She is growing up indeed. นอกจากนี้ได้ความรู้เพิ่มว่า จริงๆแล้วเด็กคนไหนที่มาแบบแลกเปลี่ยน( exchanged student) ไม่ว่าจะประเทศใดๆ ทางโรงเรียนมักจะให้ upgrade ขึ้นอย่างน้อย 1 ปี บางคนอาจได้ 2 ปี เช่น หากนักเรียนน่าจะเรียน G.10 หรือ ม.4 ที่ประเทศตน ก็อาจเป็น ม.5 หรือ ม.6 ที่นี่ได้ หลายโรงเรียนจะเน้นให้ ม.6 เพื่อ เด็กจะได้มีโอกาสทำกิจกรรมก่อนจบ และสามารถเข้าร่วมงาน Prom และรับใบประกาศ diplomaได้อย่างสมศักดิ์ศรี 2. เพื่อน: ตอนนี้มีเพื่อนสาวเป็น 7 wonder gang ได้แก่ Alexis Maddy Izzy Vilde Naomi Hannah and cookie เพื่อนบางคนก็รู้จักกันมาตั้งแต่ G.8 3.วิธีการเรียน: class โดยส่วนใหญ่ จะใช้ information technology เข้ามาช่วย ครูจะสอนผ่าน Google classroom โดยจะฉายทุกสิ่งอย่างผ่าน Interactive board (ที่ใช้ได้จริงๆ ไม่ใช่แบบมีเพื่อโชว์ อย่างเมืองไทย) ทุกโต๊ะเรียน จะมีทั้ง ipad และ laptop ให้กับ นร.ทุกคน (นี่ขนาด รร.บ้านนอกในหุบเขานะเนี่ย) นร.จะเข้ากลุ่มของครู เพื่อดูเอกสาร ทำงานส่งแบบทั้ง google doc/ excel/ppt และสอบผ่าน online จัสมินเล่าว่า วันก่อนเรียน เลข ครูให้ส่งงาน 2 แบบ คือ ส่ง online และ worksheet โดย online ก็ทำส่งไปตามปกติ แต่ worksheet ทำในกระดาษ แล้วครูให้ถ่ายรูปส่ง (จัสมินบอก หนูงง แล้วทำไมไม่ให้ทำใส่ใน google doc เลย) **** สำหรับวิชาที่ลงใน first semester คือ US. History(วิชามึนเพราะไม่มีพื้นฐานเลย), Junior English(ได้ข่าวว่า ยาก), German I(มีความสุขที่ได้ร้องเพลง ประมาณหลงรักวิชานี้เลย), Heart smart, Intermediate Theatre (แอบยากแต่ชอบ มั๊ง), AP Biology (วิชาสำหรับ transfer to college), Pre-cal (สยอง) and Food for Health 4. Power school: พ่อแม่ ญาติ หรือตัวจัสมิน สามารถตรวจสอบ และติดตามข้อมูลการเรียนทั้งหลาย เช่น การเข้าเรียน เนื้อหาการเรียน คะแนนสอบ กำหนดการต่างๆ ที่เป็นปัจจุบัน ผ่านโปรแกรม power school ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน แห่งหนใด เพียงแค่ access to the net ได้ ก็สามารถดูข้อมูลเหล่านี้ได้ทั้งบน web or app. Definitely I do love it a bunch. 5. ครูแนะแนว (Counselor): ที่นี่จะไม่มีครูประจำชั้นแบบไทย แต่มีครูแนะแนวเป็นที่ปรึกษาในเรื่องเรียน อาชีพ ฯลฯ โดยนักเรียนจะอยู่กับครูท่านใด ให้ดูจากตัวอักษรแรกของนามสกุล ครู Mrs.Holly ได้ช่วยให้คำแนะนำด้านการเรียนเป็นอย่างดี หลังจาก register แล้ว ก็ไปซื้อชุดพละ และมีพี่ G.12 มาช่วยพาไป campus tour 6.โทรศัพท์: สำหรับโรงเรียนนี้ อนุญาตให้ไว้ติดตัว หรือนำเข้าห้องเรียนได้ แต่ห้ามใช้ระหว่างเรียน กรณีที่ใช้ได้ เช่น ระหว่างเปลี่ยนคลาส ครูอนุญาตให้ใช้ เป็นต้น 7. สวัสดิการฟรี: นักเรียนทุกคนจะได้รับ 1. อาหารเช้า และกลางวัน ทางโรงเรียนจะมีเมนูเป็นรายเดือนให้ดูก่อนล่วงหน้าเพื่อทำใจ เอ้ยเพื่อเตรียมตัวจะได้รู้ว่า วันนี้ได้ทานอะไร ถามจัสมินว่า อิ่มมั๊ย เธอบอก NO!! 5555 2.locker นักเรียนทุกคนจะมี locker ส่วนตัวไว้เก็บของ โดยให้เลือกว่าจะชอบตรงตำแหน่งไหน ชั้นบน ชั้นล่าง หน้าห้องเรียน หน้า hall 3.รถรับส่งฟรี (แต่จัสมินยังไม่ได้ลองนั่ง เพราะเช้า ป้าต้อมไปส่ง พอเลิกเรียนก็เดินมาร้านอาหาร) 4.หนังสือเรียนแบบ text books เล่มใหญ่ก็มีให้ยืมเรียน หมดเทอม/ปีการศึกษาค่อยนำมาคืน หนังสือเรียนเล่มหนามากกกกก ยังกับเรียน college 8.กิจกรรมเก๋ๆ: โรงเรียนมีการจัดกิจกรรมน่ารักๆ เช่น เสาร์หน้าจะมีงาน Home coming day คืองานต้อนรับกลับมาโรงเรียน ก็จะมีการหาชุด แต่งตัวสวยๆ ไปเจอกัน ดื่มน้ำอัดลม กินขนมแบบ snack ง่ายๆ นอกจากนี้มี dance party  
Story by Dr.Pat