Friday, October 30, 2015

5.Homesick VS Nostalgia

คิดถึงบ้าน (Homesick) กับ แรงคิดถึง (Nostalgia) แบบไหนจะหนักกว่ากันหนอ???


           ช่วงนี้ มีคนรอบข้างที่รู้ว่า จัสมินไปเรียน high school ที่ Oregon มักตั้งคำถามกับเราว่า "จัสมิน homesick มั๊ยคะ" "จัสมินเรียนไหวมั๊ย ปรับตัวได้รึยัง" บลา บลา หรือ "อ.พัดทำใจได้ไง ส่งลูกสาวคนเดียวไปเรียนไกลเลย" 
           ในเรื่องนี้ ก็ขอตอบจากใจลึกๆเลยว่า ก็เป็นห่วงนะคะ แต่ก่อนไปก็ได้มีการเตรียมหลายๆเรื่องโดยเฉพาะการเตรียมกายและใจให้เข้มแข็งของคุณลูก  พอมีคนถามหลายคน เมื่ออาทิตย์ก่อนก็เลยลองเช็คใจของจัสมิน ถามว่า ลูกสาวขา homesick มั๊ยคะ  คุณจัส ตอบทันควันเลย "เอาเวลาไหนไป homesick หล่ะคะ ทั้งเรียน และสอบ เล่นและเที่ยว มีป้าต้อม ลุงหน่อย น้าตุ๊ก มีน้องสาว น้องชาย น้องหมา  3 ตัวและยังคุยกับแม่และยายบ่อยๆ แต่คุยกับป๊าทุกวันนนน" โอเค ก็สบายใจไปเปลาะหนึ่ง   
          มัวแต่กังวลคุณลูก แต่คนที่อาการหนักกว่า คือ คุณป๊า ค่ะ กลายเป็นอาการ nostalgia เพราะโดยปกติพ่อลูกจะตัวติดกันตลอด ไปรับ-ส่งที่โรงเรียน นอนด้วยกัน แซว กวนกันตลอด แต่พอลูกไม่อยู่ พ่อต้องอยู่ในสภาวะเดิม ก็ทำให้คิดถึงลูกมาก คุณป๊าก็เลยต้องหาวิถีทางแก้ไข โดย
         1. Work harder การทำงานให้มากขึ้น ออกไปพบปะลูกค้า ไปต่างจังหวัด ไปต่างประเทศ คิวเธอแน่นค่ะ
         2. Talk often การคุยกับลูกทุกเช้าในวันธรรมดา แต่หากเป็น weekend ก็จะคุยกันทั้งเช้าและค่ำ โดยใช้ทั้ง LINE และ Skype นแกจากนี้ก็ยังมีการส่ง message หากันทั้งใน LINE และ FB ขอบคุณผู้คิดค้น social media นี้สุดๆ เลย
         3. Semester visit การวางแผนเจอกันทุกเทอม โดยครั้งนี้ ตกลงกันว่า พอหมดเทอม ทางไทยจะไปเยี่ยมก่อน ก็จะเป็นการฉลอง New Year ด้วยกัน แล้วพอหมดเทอม 2 ก็ไม่ต้องเรียน summer ให้จัสมินกลับมาเมืองไทย จะได้อยู่นานๆ เพราะคุณยายก็คิดถึงมากด้วยเช่นกัน
          วิธีการข้างต้นทำให้ "ใจถึงใจ" ทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้ต่อไปอย่างมีความสุขที่พึงมีพึงได้...

                                                                               Story by Dr.Pat




No comments:

Post a Comment