หลังจาก Jasmine ไปเรียน High School ได้ 1 สัปดาห์ วันนี้เป็นวันแรกที่ได้คุยกันพร้อมหน้า พ่อ แม่ ลูก ผ่านทาง VDO call ของ Line ซึ่งคุยกันประมาณ ครึ่งชั่วโมง การเรียนหนังสือของเด็กมัธยมปลายที่อเมริกาเป็นอย่างไร มาลองดูกันค่ะ
1. Grade level: จัสมินเลือกที่จะเรียน เกรด 11 ไม่ยอมเปลี่ยนแน่นอน ...(มั่นมาก)เพราะต้องการค้นหาตนเอง ต้องการเรียนรายวิชาที่ชอบและต้องการเก็บวิชา AP Well She is growing up indeed. นอกจากนี้ได้ความรู้เพิ่มว่า จริงๆแล้วเด็กคนไหนที่มาแบบแลกเปลี่ยน( exchanged student) ไม่ว่าจะประเทศใดๆ ทางโรงเรียนมักจะให้ upgrade ขึ้นอย่างน้อย 1 ปี บางคนอาจได้ 2 ปี เช่น หากนักเรียนน่าจะเรียน G.10 หรือ ม.4 ที่ประเทศตน ก็อาจเป็น ม.5 หรือ ม.6 ที่นี่ได้ หลายโรงเรียนจะเน้นให้ ม.6 เพื่อ เด็กจะได้มีโอกาสทำกิจกรรมก่อนจบ และสามารถเข้าร่วมงาน Prom และรับใบประกาศ diplomaได้อย่างสมศักดิ์ศรี 2. เพื่อน: ตอนนี้มีเพื่อนสาวเป็น 7 wonder gang ได้แก่ Alexis Maddy Izzy Vilde Naomi Hannah and cookie เพื่อนบางคนก็รู้จักกันมาตั้งแต่ G.8 3.วิธีการเรียน: class โดยส่วนใหญ่ จะใช้ information technology เข้ามาช่วย ครูจะสอนผ่าน Google classroom โดยจะฉายทุกสิ่งอย่างผ่าน Interactive board (ที่ใช้ได้จริงๆ ไม่ใช่แบบมีเพื่อโชว์ อย่างเมืองไทย) ทุกโต๊ะเรียน จะมีทั้ง ipad และ laptop ให้กับ นร.ทุกคน (นี่ขนาด รร.บ้านนอกในหุบเขานะเนี่ย) นร.จะเข้ากลุ่มของครู เพื่อดูเอกสาร ทำงานส่งแบบทั้ง google doc/ excel/ppt และสอบผ่าน online จัสมินเล่าว่า วันก่อนเรียน เลข ครูให้ส่งงาน 2 แบบ คือ ส่ง online และ worksheet โดย online ก็ทำส่งไปตามปกติ แต่ worksheet ทำในกระดาษ แล้วครูให้ถ่ายรูปส่ง (จัสมินบอก หนูงง แล้วทำไมไม่ให้ทำใส่ใน google doc เลย) **** สำหรับวิชาที่ลงใน first semester คือ US. History(วิชามึนเพราะไม่มีพื้นฐานเลย), Junior English(ได้ข่าวว่า ยาก), German I(มีความสุขที่ได้ร้องเพลง ประมาณหลงรักวิชานี้เลย), Heart smart, Intermediate Theatre (แอบยากแต่ชอบ มั๊ง), AP Biology (วิชาสำหรับ transfer to college), Pre-cal (สยอง) and Food for Health 4. Power school: พ่อแม่ ญาติ หรือตัวจัสมิน สามารถตรวจสอบ และติดตามข้อมูลการเรียนทั้งหลาย เช่น การเข้าเรียน เนื้อหาการเรียน คะแนนสอบ กำหนดการต่างๆ ที่เป็นปัจจุบัน ผ่านโปรแกรม power school ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน แห่งหนใด เพียงแค่ access to the net ได้ ก็สามารถดูข้อมูลเหล่านี้ได้ทั้งบน web or app. Definitely I do love it a bunch. 5. ครูแนะแนว (Counselor): ที่นี่จะไม่มีครูประจำชั้นแบบไทย แต่มีครูแนะแนวเป็นที่ปรึกษาในเรื่องเรียน อาชีพ ฯลฯ โดยนักเรียนจะอยู่กับครูท่านใด ให้ดูจากตัวอักษรแรกของนามสกุล ครู Mrs.Holly ได้ช่วยให้คำแนะนำด้านการเรียนเป็นอย่างดี หลังจาก register แล้ว ก็ไปซื้อชุดพละ และมีพี่ G.12 มาช่วยพาไป campus tour 6.โทรศัพท์: สำหรับโรงเรียนนี้ อนุญาตให้ไว้ติดตัว หรือนำเข้าห้องเรียนได้ แต่ห้ามใช้ระหว่างเรียน กรณีที่ใช้ได้ เช่น ระหว่างเปลี่ยนคลาส ครูอนุญาตให้ใช้ เป็นต้น 7. สวัสดิการฟรี: นักเรียนทุกคนจะได้รับ 1. อาหารเช้า และกลางวัน ทางโรงเรียนจะมีเมนูเป็นรายเดือนให้ดูก่อนล่วงหน้าเพื่อทำใจ เอ้ยเพื่อเตรียมตัวจะได้รู้ว่า วันนี้ได้ทานอะไร ถามจัสมินว่า อิ่มมั๊ย เธอบอก NO!! 5555 2.locker นักเรียนทุกคนจะมี locker ส่วนตัวไว้เก็บของ โดยให้เลือกว่าจะชอบตรงตำแหน่งไหน ชั้นบน ชั้นล่าง หน้าห้องเรียน หน้า hall 3.รถรับส่งฟรี (แต่จัสมินยังไม่ได้ลองนั่ง เพราะเช้า ป้าต้อมไปส่ง พอเลิกเรียนก็เดินมาร้านอาหาร) 4.หนังสือเรียนแบบ text books เล่มใหญ่ก็มีให้ยืมเรียน หมดเทอม/ปีการศึกษาค่อยนำมาคืน หนังสือเรียนเล่มหนามากกกกก ยังกับเรียน college 8.กิจกรรมเก๋ๆ: โรงเรียนมีการจัดกิจกรรมน่ารักๆ เช่น เสาร์หน้าจะมีงาน Home coming day คืองานต้อนรับกลับมาโรงเรียน ก็จะมีการหาชุด แต่งตัวสวยๆ ไปเจอกัน ดื่มน้ำอัดลม กินขนมแบบ snack ง่ายๆ นอกจากนี้มี dance party
1. Grade level: จัสมินเลือกที่จะเรียน เกรด 11 ไม่ยอมเปลี่ยนแน่นอน ...(มั่นมาก)เพราะต้องการค้นหาตนเอง ต้องการเรียนรายวิชาที่ชอบและต้องการเก็บวิชา AP Well She is growing up indeed. นอกจากนี้ได้ความรู้เพิ่มว่า จริงๆแล้วเด็กคนไหนที่มาแบบแลกเปลี่ยน( exchanged student) ไม่ว่าจะประเทศใดๆ ทางโรงเรียนมักจะให้ upgrade ขึ้นอย่างน้อย 1 ปี บางคนอาจได้ 2 ปี เช่น หากนักเรียนน่าจะเรียน G.10 หรือ ม.4 ที่ประเทศตน ก็อาจเป็น ม.5 หรือ ม.6 ที่นี่ได้ หลายโรงเรียนจะเน้นให้ ม.6 เพื่อ เด็กจะได้มีโอกาสทำกิจกรรมก่อนจบ และสามารถเข้าร่วมงาน Prom และรับใบประกาศ diplomaได้อย่างสมศักดิ์ศรี 2. เพื่อน: ตอนนี้มีเพื่อนสาวเป็น 7 wonder gang ได้แก่ Alexis Maddy Izzy Vilde Naomi Hannah and cookie เพื่อนบางคนก็รู้จักกันมาตั้งแต่ G.8 3.วิธีการเรียน: class โดยส่วนใหญ่ จะใช้ information technology เข้ามาช่วย ครูจะสอนผ่าน Google classroom โดยจะฉายทุกสิ่งอย่างผ่าน Interactive board (ที่ใช้ได้จริงๆ ไม่ใช่แบบมีเพื่อโชว์ อย่างเมืองไทย) ทุกโต๊ะเรียน จะมีทั้ง ipad และ laptop ให้กับ นร.ทุกคน (นี่ขนาด รร.บ้านนอกในหุบเขานะเนี่ย) นร.จะเข้ากลุ่มของครู เพื่อดูเอกสาร ทำงานส่งแบบทั้ง google doc/ excel/ppt และสอบผ่าน online จัสมินเล่าว่า วันก่อนเรียน เลข ครูให้ส่งงาน 2 แบบ คือ ส่ง online และ worksheet โดย online ก็ทำส่งไปตามปกติ แต่ worksheet ทำในกระดาษ แล้วครูให้ถ่ายรูปส่ง (จัสมินบอก หนูงง แล้วทำไมไม่ให้ทำใส่ใน google doc เลย) **** สำหรับวิชาที่ลงใน first semester คือ US. History(วิชามึนเพราะไม่มีพื้นฐานเลย), Junior English(ได้ข่าวว่า ยาก), German I(มีความสุขที่ได้ร้องเพลง ประมาณหลงรักวิชานี้เลย), Heart smart, Intermediate Theatre (แอบยากแต่ชอบ มั๊ง), AP Biology (วิชาสำหรับ transfer to college), Pre-cal (สยอง) and Food for Health 4. Power school: พ่อแม่ ญาติ หรือตัวจัสมิน สามารถตรวจสอบ และติดตามข้อมูลการเรียนทั้งหลาย เช่น การเข้าเรียน เนื้อหาการเรียน คะแนนสอบ กำหนดการต่างๆ ที่เป็นปัจจุบัน ผ่านโปรแกรม power school ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน แห่งหนใด เพียงแค่ access to the net ได้ ก็สามารถดูข้อมูลเหล่านี้ได้ทั้งบน web or app. Definitely I do love it a bunch. 5. ครูแนะแนว (Counselor): ที่นี่จะไม่มีครูประจำชั้นแบบไทย แต่มีครูแนะแนวเป็นที่ปรึกษาในเรื่องเรียน อาชีพ ฯลฯ โดยนักเรียนจะอยู่กับครูท่านใด ให้ดูจากตัวอักษรแรกของนามสกุล ครู Mrs.Holly ได้ช่วยให้คำแนะนำด้านการเรียนเป็นอย่างดี หลังจาก register แล้ว ก็ไปซื้อชุดพละ และมีพี่ G.12 มาช่วยพาไป campus tour 6.โทรศัพท์: สำหรับโรงเรียนนี้ อนุญาตให้ไว้ติดตัว หรือนำเข้าห้องเรียนได้ แต่ห้ามใช้ระหว่างเรียน กรณีที่ใช้ได้ เช่น ระหว่างเปลี่ยนคลาส ครูอนุญาตให้ใช้ เป็นต้น 7. สวัสดิการฟรี: นักเรียนทุกคนจะได้รับ 1. อาหารเช้า และกลางวัน ทางโรงเรียนจะมีเมนูเป็นรายเดือนให้ดูก่อนล่วงหน้าเพื่อทำใจ เอ้ยเพื่อเตรียมตัวจะได้รู้ว่า วันนี้ได้ทานอะไร ถามจัสมินว่า อิ่มมั๊ย เธอบอก NO!! 5555 2.locker นักเรียนทุกคนจะมี locker ส่วนตัวไว้เก็บของ โดยให้เลือกว่าจะชอบตรงตำแหน่งไหน ชั้นบน ชั้นล่าง หน้าห้องเรียน หน้า hall 3.รถรับส่งฟรี (แต่จัสมินยังไม่ได้ลองนั่ง เพราะเช้า ป้าต้อมไปส่ง พอเลิกเรียนก็เดินมาร้านอาหาร) 4.หนังสือเรียนแบบ text books เล่มใหญ่ก็มีให้ยืมเรียน หมดเทอม/ปีการศึกษาค่อยนำมาคืน หนังสือเรียนเล่มหนามากกกกก ยังกับเรียน college 8.กิจกรรมเก๋ๆ: โรงเรียนมีการจัดกิจกรรมน่ารักๆ เช่น เสาร์หน้าจะมีงาน Home coming day คืองานต้อนรับกลับมาโรงเรียน ก็จะมีการหาชุด แต่งตัวสวยๆ ไปเจอกัน ดื่มน้ำอัดลม กินขนมแบบ snack ง่ายๆ นอกจากนี้มี dance party
Story by Dr.Pat
No comments:
Post a Comment